การตีแรงเพื่อหวังทำคะแนนไม่ใช่ว่าจะทำได้สำเร็จเสมอไปเพราะคู่ต่อสู้บล้อคหรืออาจตบสวนกลับมา จึงจำเป็นต้องโยกไปโยกมาหลอกล่อคู่ต่อสู้ให้เสียหลักก่อน พอก้าวเท้าขวาเข้ามารับลูกสั้นแล้วเขามีฟุตเวิร์คไม่ดีไม่สามารถก้าวเท้าขวากลับไปตั้งท่าเตรียมพร้อมได้ทัน แค่ตีลูกเร็วโยกยาวไปทางด้านขวาของคู่ต่อสู้ แค่นี้เขาก็จะผงะตีกลับมายากแล้ว เพราะเมื่อก้าวเท้าขวาเข้ามาด้านหน้าตัว ย่อมทำให้ลำตัวของเขาเองหันหน้าไปทางซ้าย ยากที่จะตีลูกที่ส่งไปด้านขวาซึ่งกลายเป็นด้านหลังของเขาในจังหวะนั้น
ทั้งนี้ต้องเลือกจังหวะที่จะตีลูกโยกไปทางขวาให้ดีด้วย ถ้าคู่ต่อสู้ยังไม่เสียหลัก เขาก็อาจบิดตัวเอื้อมแขนตีลูกกลับมาได้ แต่ถ้ารอให้เขาถ่ายน้ำหนักจากเท้าขวากลับมาเท้าซ้ายเสียก่อน ให้ตีลูกเร็วในจังหวะที่คู่ต่อสู้กำลังเริ่มต้นถ่ายน้ำหนักสวนทิศทางกับทิศทางที่เราต้องการตีไป น้ำหนักโมเมนตัมของตัวเขาจะกลายเป็นอุปสรรคทำให้ไม่สามารถย้ายการถ่ายน้ำหนักกลับมาพร้อมตีลูกต่อไป
พลังขาและเท้าจึงเป็นคุณสมบัติของนักปิงปองระดับกลางและระดับสูงต้องมี แทนที่จะซ้อมเน้นการใช้แขนเหวี่ยงตีลูกโต้กันไปมาเพียงอย่างเดียว ต้องฝึกการถ่ายน้ำหนักอย่างเต็มที่พร้อมกับฝึกฟุตเวิร์คที่ดีไปด้วยกันเสมอ
เนื่องจากกลัวว่าจะตีลูกปิงปองสวนกลับไปไม่ทัน จึงมักสอนกันผิดๆให้วางเท้าขวาเท้าซ้ายขนานกันกับเส้นสกัดและฝึกถ่ายนำหนักตัวเพียงเล็กน้อย แต่ในการแข่งขันจริงพอถูกโยกซ้ายขวาจะเสียหลักได้ง่ายมากเพราะไม่ได้ฝึกการถ่ายเทน้ำหนักกลับไปกลับมาจนคุ้นเคยมาก่อน นักปิงปองมือใหม่มักแก้ไขโดยการวางเท้าซ้ายขวาให้อ้ากว้างๆไว้แล้วบิดตัวตี แต่ท่าแบบนี้จะตีลูกสั้นสลับกับลูกยาวไม่ถนัด และเมื่อต้องก้าวเท้าออกจากท่าเดิมจะเสียสมดุลในทันที
ระยะห่างที่เหมาะสมของการวางเท้าเพื่อเตรียมพร้อมตีลูกจึงสำคัญอย่างยิ่ง เท้าซ้ายและขวาควรห่างกันเกินกว่าระยะความกว้างของช่วงบ่าหรือลำตัวเพียงเล็กน้อย ต้องสามารถฟุตเวิร์คไปข้างหน้าข้างหลังหรือก้าวไปทางซ้ายขวาได้สะดวกโดยยังคงรักษาสมดุลของร่างกายได้ตลอด แต่เมื่อขยับตัวไปยังตำแหน่งที่จะตีลูกถัดไปได้แล้ว ต้องปรับระยะห่างของเท้าให้กว้างขึ้นเพื่อพร้อมจะถ่ายนำหนักตีลูกแรงได้เต็มกำลังโดยไม่เสียสมดุล ยิ่งต้องใช้แรงตีมากเท่าใด ยิ่งต้องวางเท้าหลังไว้หลังเท้าหน้ามากขึ้นเท่านั้น หากจะ loop หรือตี topspin ก็ต้องย่อขาให้ต่ำกว่าเดิมไว้เพื่อใช้แรงดีดของขาช่วยในการปั่นลูกให้หมุนดึงจากล่างขึ้นไปข้างบน
เมื่อถูกโยกซึ่งต้องเคลื่อนเท้าย้ายตำแหน่งการยืน ต้องรีบเก็บแขนที่ไม่ได้ใช้ตีไว้แนบลำตัวเพื่อลดภาระที่ต้องลากน้ำหนักแขนข้างนั้นลงจะพบว่าสะดวกที่จะเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น และหากไม่จำเป็นแล้วพึงหลีกเลี่ยงการกระโดดแบบ cross step ซึ่งเท้าซ้ายขวาต้องลอยขึ้นออกจากพื้นพร้อมกัน แต่ให้ใช้วิธีก้าวเท้าเข้าหาลูกแบบ single step หรือ two steps เพราะช่วยรักษาสมดุลของร่างกายได้ดีกว่าในการตีลูกนั้นและลูกถัดไป อีกทั้งช่วยเตรียมพร้อมที่จะถ่ายน้ำหนักได้ดีกว่า