ถ้าอยากพัฒนากีฬาปิงปองของชาติให้ก้าวไกล ต้องอย่าคิดว่าปิงปองเป็นกีฬาของเด็กๆที่มุ่งพัฒนาให้เป็นทีมชาติเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเท่านั้น แต่ปิงปองเป็นกีฬาของคนทั้งชาติ ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ หรือแม้แต่คนสูงอายุ ต้องหาทางสนับสนุนให้หันมาเล่นปิงปองกันเยอะๆ ซึ่งในเรื่องนี้ตามแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 3 ข้อแรกได้เขียนไว้อย่างชัดเจน ดังนี้
- เพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้รับโอกาสในการออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ เพื่อสร้างค่านิยมวิถีชีวิตรักการเล่นกีฬาและออกกำลังกายสู่การมีสุขภาพและสมรรถภาพที่ดี
- เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสังคมทุกภาคส่วน ในการใช้กิจกรรมการออกกำลังกายและการกีฬา เป็นสื่อเพื่อสร้างสังคมที่มีน้ำใจนักกีฬา มีคุณธรรม จริยธรรม และสามัคคีสมานฉันท์
- เพื่อจัดหาและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการกีฬาให้เพียงพอ โดยเฉพาะสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สนามกีฬา วัสดุ อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมทั้งการจัดให้มีผู้ฝึกสอนและอาสาสมัครด้านการออกกำลังกายและการกีฬาประจำศูนย์และสนามกีฬา
เงิน คือ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ซึ่งจะช่วยให้แผนการนี้ประสบความสำเร็จ ถ้าพึ่งงบประมาณของรัฐอย่างเดียวไม่พอแน่ หรือถ้าหวังเงินสนับสนุนจากเอกชนก็มักให้กับทีมชาติไม่กี่คน หรือให้ค่าโฆษณาในการแข่งขันซึ่งไม่ได้ให้เงินสนับสนุนมากนัก และที่สำคัญคือ ไม่ใช่หนทางที่จะหาเงินจากการพึ่งตัวเอง
ถ้าคุณไปนั่งดูคนที่ออกกำลังกายที่สนามฟุตบอลของการกีฬาแห่งประเทศไทยหรือในมหาวิทยาลัย จะเห็นว่ามีทั้งหนุ่มสาว ผู้ใหญ่ และสว จำนวนมากมายที่ใส่ใจกับการวิ่งหรือเดินออกกำลัง คนยุคใหม่นี้ใสใจกับการรักษาสุขภาพมากกว่าคนยุคก่อนมาก สังคมไทยกว่า 80% กำลังเป็นสังคมของคนสูงอายุและวัยแรงงาน นับวันจะมีจำนวนมากขึ้น คนเหล่านี้มีสิ่งหนึ่งในกระเป๋าที่เหมือนกันก็คือ เงิน แต่จะหาทางให้เขาจ่ายเงินเพื่อกีฬาปิงปองได้อย่างไร
ควรมุ่งส่งเสริมให้คนวัยทำงานและผู้สูงอายุมาฝึกปิงปองกัน ทุกวันนี้มีนักปิงปองที่เคยเป็นเด็ก แต่ปัจจุบันกลายเป็นผู้ใหญ่และสวจำนวนมากที่อยากจะกลับมาเล่นปิงปองอีก นักกีฬาบาสเกตบอล ฟุตบอล วอลเลย์บอล ยูโด เทกวนโด พออายุมากขึ้นก็ฝึกเล่นกีฬาเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว คนที่ไม่เคยเล่นปิงปองก็อยากจะเล่นปิงปองแต่ไม่มีโอกาสให้เขา หลายคนไม่อยากออกกำลังกายโดยการวิ่งเพราะกลัวเข่าเสีย หลายคนไม่อยากขี่จักรยานเพราะกลัวอุบัติเหตุถูกรถเฉี่ยวชน เขาเหล่านี้อยากจะหาที่ฝึกออกกำลังที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม เมื่อเดินทางมาถึงก็มีสถานที่พร้อมให้ออกกำลังได้แน่นอน แม้ตั้งราคาค่าใช้สถานที่ไว้แพงหน่อยก็ไม่ว่ากัน
สำหรับคนที่พ้นจากวัยทำงานแล้วหรือมีกิจการของตัวเอง เขามีเวลาพักผ่อนที่จะออกมาเล่นปิงปองได้ทุกวัน ทั้งวันตั้งแต่เช้าจนเย็น ไม่เว้นวันหยุด หากสามารถหาสถานที่เล่นปิงปองให้เขาได้ จะมีเงินรายได้เข้ามาทุกวัน ต่างจากเด็กวัยเรียนที่จะว่างแค่เสาร์อาทิตย์หรือช่วงเย็นๆและที่สำคัญคือเด็กยังหาเงินเองไม่ได้
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ออกมาเล่นปิงปองกัน แน่นอนว่าย่อมมีลูกหลานตามมาเล่นปิงปองกันมากขึ้นด้วย คุณพ่อคุณแม่นี่แหละที่จะช่วยสนับสนุนให้ประเทศมีนักปิงปองที่เก่งมากยิ่งขึ้น เมื่อผู้ใหญ่มีมาตรฐานการเล่นปิงปองที่ถูกวิธีมากขึ้น จะเป็นกำลังสำคัญในการถ่ายทอดวิธีการเล่นปิงปองที่ถูกต้องให้กับคนรุ่นต่อๆไปได้ในตัว
โค้ชหรือครูผู้ฝึกสอนปิงปองก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าเพราะสามารถฝึกสอนให้กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อมากขึ้น ราคาอุปกรณ์ปิงปองก็จะถูกลงเพราะจำนวนการขายมากขึ้น นักปิงปองทุกคนรวมทั้งทีมชาติก็จะมีทางเลือกในการหาสถานที่ฝึกซ้อมที่ได้มาตรฐาน ได้ฝึกซ้อมในห้องแอร์ซึ่งตรงกับบรรยากาศของสนามแข่งขันในต่างประเทศ
บทความนี้มิได้มีเจตนาที่จะทำให้ทำอะไรคิดอะไรก็ต้องเห็นเป็นเงินเป็นทองไปหมด เพียงแต่การให้บริการกับคนกลุ่มนี้ถือเป็นโอกาสที่น่าทำเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งการพึ่งพาตัวเองให้อยู่รอดได้ก่อนเป็นสิ่งสำคัญมากจากนั้นจะทำเพื่อส่วนรวมก็ทำได้สะดวกขึ้น จะเปิดสอนปิงปองฟรีให้กับเด็กก็มีงบทำได้อย่างสบาย ในหลายประเทศมีคลับปิงปองระดับสูงที่คิดค่าบริการแพงทีเดียว ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาในประเทศไทยเราเองก็เริ่มมีคลับปิงปองแบบนี้กันมากขึ้นและน่าจะไปได้ดีด้วย ภาครัฐเองน่าจะหันมาสร้างศูนย์ฝึกปิงปองให้บริการกับคนในวัยทำงานและผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน
ที่ญี่ปุ่นมีคลับปิงปองที่มุ่งสอนให้คนทุกวัยเล่นปิงปองได้อย่างสนุก ไม่ได้เน้นแพ้ชนะ ฝึกการตั้งท่าทางให้ถูกวิธีเหมาะกับวัย แค่ฝึกส่งลูกปิงปองโต้กันไปมาก็สนุกมากแล้ว
"ปิงปองเป็นการออกกำลังที่ได้ฝึกทั้งสมองและสายตา ปลอดภัยสำหรับคนทุกวัย"
นี่คือประโยชน์ของปิงปองที่เหนือกว่ากีฬาอื่นๆ
บริษัทผลิตรองเท้าที่มีชื่อเสียงมากบริษัทหนึ่ง ที่ประชุมของฝ่ายบริหารได้กำหนดนโยบายให้ทำการสำรวจและพิจารณาว่า บริษัทจะเปิดตลาดใน ทวีปแอฟริกา ดีหรือไม่
ดังนั้น บริษัทจึงได้ส่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนหนึ่งไปยังแอฟริกาเพื่อทำการศึกษาศักยภาพของตลาด ซึ่งเมื่อเขาไปถึงแอฟริกา เขาพบว่า...ชาวแอฟริกันส่วนใหญ่เดินเท้าเปล่า พวกเขาเหล่านั้นไม่สวมรองเท้ากัน
เมื่อผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลับไปถึงอเมริกา จึงได้จัดทำรายงานให้กับบริษัทว่า
“ที่แอฟริกานั้นคนส่วนใหญ่ไม่ใส่รองเท้า ความต้องการ(Demand)น้อยเกินกว่าที่จะทำตลาดได้ เป็นตลาดที่ไม่น่าสนใจ ไม่ควรลงทุนเปิดตลาดที่แอฟริกาในเวลานี้”
แต่เนื่องจากฝ่ายบริหาร ต้องการพิจารณาเรื่องการเปิดตลาดแอฟริกานี้อย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ จึงได้ส่งผู้จัดการฝ่ายขายมือหนึ่งไปที่แอฟริกาเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา ทันทีที่ผู้จัดการฝ่ายขายไปถึงแอฟริกาก็รีบโทรศัพท์กลับมายังสำนักงานใหญ่เพื่อรายงานว่า...
“ที่แอฟริกานั้น ยังไม่ค่อยมีใครใส่รองเท้ากันเลยจึงเป็นตลาดที่ใหญ่และน่าสนใจมากที่สุดในขณะนี้
หากบริษัทของเรา ทำให้คนแอฟริกันเห็นความสำคัญของการใส่รองเท้าได้ล่ะก็
บริษัทของเราก็จะเป็นผู้นำในตลาดขนาดใหญ่นี้ได้สำเร็จ เห็นควรให้เร่งดำเนินการขยายตลาดทันทีก่อนที่บริษัทอื่นจะชิงตลาดนี้ไป”
เรื่องนี้กำลังบอกอะไรเรากัน