วันก่อนเจอแขกของเพื่อนมาที่ศูนย์ฝึกกีฬาในร่ม กกท หัวหมาก ผมถามเขาว่า "คุณเล่นปิงปองด้วยไหม"
เขาตอบว่า "ผมเป็นโค้ชปิงปองครับ"
หลังจากนั้นพอได้โอกาสอยู่สองต่อสองกับเพื่อนก็เลยถามว่า แขกที่มาด้วยคนนั้นเป็นโค้ชจริงหรือ เก่งมากไหม
เพื่อนก็ตอบมาว่า แขกคนนั้นเป็นแค่โค้ชระดับล่างๆเท่านั้นแหละ ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรนักหรอก
ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพราะอยากจะบอกว่า อย่าพยายามอวดตัวว่าเป็นโค้ชหรือเป็นอาจารย์เลยนะครับ พอขึ้นชื่อว่าเป็นครูอาจารย์แล้วจะไม่มีใครกล้าให้คำแนะนำหรือสอนความรู้เพิ่มเติมให้อีกเลย น่าจะเป็นแค่เพื่อนที่เล่นปิงปองด้วยกันไปเรื่อยๆดีกว่า
ตัวผมเองถูกเรียกว่าอาจารย์มาตั้งแต่อายุ 39 ตั้งแต่เริ่มสอน Excel ตั้งแต่นั้นมาแทบไม่มีใครกล้าสอนผมอีก พอผมทำผิดก็แทบไม่มีใครเตือน จนผมต้องประกาศในห้องเรียนว่า ถ้าผมทำผิด ช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ ผมจะรู้สึกดีใจและเป็นบุญคุณเป็นอย่างมาก ไม่ได้รู้สึกว่าถูกทำให้เสียหน้าแม้แต่น้อย
เร็วๆนี้อีกนั่นแหละ คราวนี้เจอเด็กหนุ่มที่อยากเป็นโค้ชปิงปอง ตั้งใจจะเรียนปริญญาตรีทางด้านกีฬาทีเดียว อยากเป็นครูที่ช่วยสอนปิงปองให้กับเด็ก ด้วยเห็นว่ายังไม่มีครูในโรงเรียนที่สอนปิงปอง มีแต่ครูที่สอนกีฬาทั่วๆไป
ผมเลยแนะนำไปว่า ถ้าตั้งใจจะเป็นโค้ชปิงปอง ต้องทำให้ได้เหนือกว่าโค้ชคนอื่นๆนะ ภาษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เป็นโค้ชเก่งๆ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษต้องอ่านเขียนและพูดเป็น ภาษารองต้องหาทางเรียนภาษาญี่ปุ่น จีน หรือเกาหลีได้ด้วย จะได้ศึกษาตำราวิธีการเล่นปิงปองของชาติเหล่านี้ได้ด้วย
นอกจากภาษาแล้วถ้าอยากจะช่วยสอนปิงปองให้กับคนไทยให้ทั่วถึงกันมากขึ้น ต้องรู้จักการใช้โปรแกรมตัดแต่งภาพพวก PhotoShop สามารถถ่ายวิดีโอแล้วตัดต่อภาพมาช่วยในการสอน ควรทำเว็บเพื่อเผยแพร่ความรู้ของตน อย่าพึ่งแต่ facebook ซึ่งจะจำกัดการเข้าถึงมากขึ้นทุกที ค้นหาเรื่องเก่าๆที่อธิบายไว้ก็ยากแสนยาก ไม่แน่ด้วยซ้ำไปว่า facebook จะอยู่ไปได้ตลอด
ทางเลือกอื่นนอกจากการเข้าเรียนปริญญาตรีทางด้านกีฬาแล้ว น่าจะเรียนสาขาอื่นที่สามารถหาเงินเลี้ยงชีพได้มากกว่า ส่วนการเป็นโค้ชนั้นสามารถทำควบคู่กันไปก็ได้ การตัดสินใจเข้ามหาวิทยาลัยสำคัญมากกับชีวิตในวันข้างหน้าของตน พอผ่านไปแล้วจะย้อนกลับมาแก้ไขไม่ได้อีกนะครับ