ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้หาซื้อไม้ปิงปองหลากหลายยี่ห้อเกือบสิบไม้มาทดลอง ลงทุนไปหลายหมื่นบาท โดยมีสมมุติฐานสำคัญว่า น้ำหนักไม้ กับ การกระเด้ง มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ถ้าหาไม้ประเภท OFF ถึง OFF+ มาใช้แต่ตัวไม้หนักเบาแตกต่างกันจะส่งผลต่อการตีปิงปองยังไงบ้าง คิดสงสัยในฝันไว้ว่า ถ้าได้ไม้ปิงปองน้ำหนักเบาแต่กระเด้งดี น่าจะดีกว่าไม้ปิงปองที่หนัก จะได้ไม่ต้องออกแรงเหวี่ยงมากนัก
ถ้าได้ไม้ปิงปองที่ดีเหมาะมือในระดับราคาไม่แพงนัก แล้วหันไปใช้ยางปิงปองราคาถูกหน่อย แผ่นละ 500 บาทหรือไม่เกินพันบาท อยากจะเปลี่ยนยางเมื่อไหร่ก้อทำได้ง่ายอย่างสบายใจ เหมาะกับคนที่เล่นปิงปองบ่อยๆจนหน้ายางสึกเร็ว ดีกว่าจะติดยางราคาหลายพันที่ต้องฝืนใช้ไปเรื่อยๆไม่อยากเปลี่ยนยางเพราะเปลืองเงิน
ไม้ปิงปองน้ำหนักเบา ย่อมหนีไม่พ้นไม้ที่ทำจากไม้ Balsa เฉพาะตัวไม้มีน้ำหนักระหว่าง 70 – 77 กรัม หน้าไม้พวกนี้มักจะหนาและด้ามอ้วน พบว่า ต่อให้เป็น OFF+ เมื่อนำไปเล่นจริง แม้จะเหวี่ยงไม้เคลื่อนที่ได้เร็ว แต่หน้าไม้ไม่ได้กระเด้งแรงตามที่ต้องการ ถ้ารับลูกเบาๆแต่ไม่ออกแรง ลูกปิงปองจะหล่นจากหน้าไม้ง่ายๆ กลายเป็นว่าเมื่อใช้ไม้น้ำหนักเบาก็จริง แต่ผู้เล่นต้องออกแรงตีให้เร็วและแรงมากขึ้นตามไปด้วย
ถ้าไม่ใช่ไม้ที่ทำจาก Balsa แต่ต้องการกระเด้งระดับ OFF ถึง OFF+ มักจะเป็นไม้ที่หนักตั้งแต่ 90 กรัมขึ้นไป พอนำมาติดยางปิงปองจากญี่ปุ่นเข้าไปจะมีน้ำหนักยาง 2 ข้างเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 95 กรัม ถ้าใช้ยางจีนจะหนักมากขึ้น แม้จะใช้ตีลูกได้แรงและเร็วโดยไม่ต้องออกแรงเหวี่ยงมากนัก แต่กลายเป็นว่ายากที่จะควบคุมทิศทาง และหากต้องรับลูกเบาๆสั้นๆบนโต๊ะก็มักจะส่งลูกออกไปแรงเกินไปหรือส่งลูกลอยสูงจากเน็ตมากไป ทำให้คู่ต่อสู้บุกสวนกลับมาได้ง่ายเสียอีก
สาเหตุที่น้ำหนักไม้ส่งผลต่อการตีลูกเกิดจากโมเมนตัม คำนวณได้จากสูตร P = M x V เมื่อไม้มีน้ำหนักมากขึ้น ย่อมทำให้โมเมนตัมหรือแรงส่งออกจากหน้าไม้แรงมากตาม ด้วยเหตุนี้ถ้าใช้ไม้เบาก็ต้องออกแรงให้มากขึ้นจึงจะได้โมเมนตัมเท่ากับไม้หนักที่ออกแรงตีค่อยๆ
อย่าไปสนใจสเปคที่ระบุว่าเป็น OFF หรือ OFF+ ให้มากนัก ไม้บางยี่ห้อผลิตรุ่นเดียวกันออกมา แต่ควบคุมคุณภาพการผลิตให้มีน้ำหนักตามที่ต้องการไม่ได้ ก็จะวัดน้ำหนักว่าถ้าหนักมากก็ให้เป็น OFF+ ถ้าหนักน้อยลงมาหน่อยก็ระบุให้เป็น OFF ดังนั้นวิธีเลือกไม้ที่ดีที่สุดควรดูที่น้ำหนักไม้เป็นหลักสำคัญแรกสุด อย่าใช้ไม้หนักหรือเบาเกินไป
ถ้าจะเปลี่ยนไม้ใหม่ ควรเลือกไม้ที่มีน้ำหนักเท่ากับไม้เก่า
องค์ประกอบถัดไปคือตัวชั้น Carbon ถ้าหน้าไม้เป็นแบบ 5+2 หมายถึงเป็นไม้หนา 7 ชั้น มีชั้นที่เป็นเนื้อไม้ 5 ชั้นและเป็น Carbon 2 ชั้น ก็มีให้เลือกว่าจะเป็น Inner หรือ Outer Carbon ถ้าเป็น Inner จะวางชั้น Carbon ประกบไว้กับไม้แกนกลาง ให้ความรู้สึกในการตีได้นุ่มนวลกว่าไม้แบบ Outer ซึ่งวางชั้น Carbon ไว้เป็นชั้นนอกรองจากไม้ชั้นนอกสุด ซึ่งเนื้อไม้ชั้นนอกสุดที่จะให้ความรู้สึกในการตีได้ดีที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นต้องเป็นเนื้อไม้ทำจากไม้ Hinoki
สเปคของไม้ในฝันที่อยากจะได้มาทดลอง ต้องเป็นไม้หนา 7 ชั้นแบบ 5+2 Inner Carbon ที่หน้าไม้นอกสุดเป็น Hinoki น้ำหนักเฉพาะตัวไม้ระหว่าง 80 – 85 กรัม ด้ามตรงแบบ ST ซึ่งที่หาซื้อมาใช้มีหลายยี่ห้อ ราคาตั้งแต่พันกว่าจนเกือบห้าพัน พบว่าไม้ราคาถูกมักจะหนาไปทำด้ามอ้วนมากไป ส่วนไม้ที่หนากำลังดี ด้ามจับเหมาะมือก็กลับมีน้ำหนัก 90 กว่ากรัมขึ้นไปเสียอีก ร้านปิงปองบางร้านเท่านั้นที่เตรียมไม้รุ่นเดียวกันไว้ให้เลือกน้ำหนักตามที่อยากได้
จากไม้ที่ 1 ที่ซื้อหามาทดลองในช่วง 3 เดือนจนถึงไม้ที่ 8 ก็ยังไม่ได้ไม้ที่ถูกใจเสียที เกือบจะหมดกำลังใจตามหาไม้แล้ว พอดีนึกถึงไม้ปิงปองยี่ห้อ Adidas ด้ามหางปลาที่เคยทดลองใช้อยู่พักหนึ่งแล้วถูกใจ แต่ตอนนี้ Adidas เลิกผลิตโดยเปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อ ITC แทน ได้ผลิตไม้รุ่น Premier XC ซึ่งตรงกับสเปคที่ต้องการ แถมสามารถหาตัวไม้ที่หนัก 83 กรัมได้ด้วย
Premier XC เป็นไม้ปิงปองที่กระเด้งกำลังดี มีขนาด sweet spot กว้างมาก หน้าไม้มีโครงสร้างและน้ำหนักที่ช่วยทำให้ตีลูกโดนกลางไม้ได้ง่าย นี่เองที่ทำให้เวลาไม้กระทบลูกเสียงจะดังไพเราะมาก ด้ามตรงแบบ ST ที่ได้มาก็จับถนัดมือ ไม่หนาเทอะทะ และมีผิวหน้าของด้ามจะแบน ช่วยทำให้ทราบมุมหน้าไม้ได้ดีเมื่อกำมือ
ที่แปลกเห็นจะเป็นไม้แกนกลางที่มีเนื้อไม้สีเข้มมากกว่าไม้ยี่ห้ออื่น ชั้น Inner Carbon ก็บางทำให้ความหนาของไม้ทั้ง 7 ชั้นรวมกันหนาเพียง 6 มม แม้ไม้มีราคาเกือบสี่พันบาทก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา หน้าไม้นอกสุกก็เป็น Hinoki ที่มีลายสวยเห็นเส้นลายไม้ถี่ขนานกันกว้างเท่าๆกัน คนสร้างไม้นี้ขึ้นมาขายต้องมุ่งรับประกันเรื่องคุณภาพไว้เป็นแน่ มิฉะนั้นคงไม่มีใครกล้าทดลองไม้ยี่ห้อ ITC ที่ยังใหม่ไม่ค่อยมีใครรู้จักกันนักหรอกใช่ไหม
อ่านรายละเอียดของไม้ ITC Premier XC