มือบุกต้องฝึกตบลูกที่สูงกว่าเน็ตให้คุ้นเคย โดยทั่วไปลูกโด่งที่คู่ต่อสู้ตีมามักเป็นลูกท้อปสปินหรือผสม sidespin มาด้วยซึ่งยากที่จะตีสวนกลับในจังหวะที่ลูกเพิ่งกระเด้งขึ้นเพราะลูกมักจะกระเด้งเลี้ยวออกจากโต๊ะ นักปิงปองจึงมักรอให้ลูกลอยลงมาก่อนแล้วจึงตีสวนกลับไป แต่ถ้าคู่ต่อสู้ส่งลูกแบคสปินโด่งที่ไม่สูงมากนักกลับมา มักพบว่าถ้าคว่ำหน้าไม้มากไปก็จะตีลูกติดเน็ต หรือถ้าหงายหน้าไม้มากไปก็จะตีออก
ตามหลักของลูกที่หมุนแบบแบคสปิน พอกระทบโต๊ะจะมีมุมที่กระเด้งออกมากกว่ามุมที่ลูกวิ่งลงโต๊ะ ดังนั้นพอส่งลูกโด่งที่หมุนแบคสปินข้ามเน็ตมาจะกระเด้งขึ้นจากโต๊ะในมุมแทบเป็นมุมฉาก ทำให้วิถีของลูกที่กระเด้งขึ้นชันมาก พอกระเด้งถึงจุดสูงสุดลูกก็จะมีวิถีตกที่ชันมากเช่นกัน โดยลูกจะเปลี่ยนวิถีจากชันขึ้นเป็นชันลงอย่างรวดเร็ว ถ้าคว่ำหน้าไม้เหวี่ยงไม้เข้าหาลูกในจังหวะที่ช้าไปมักกระทบลูกในจังหวะที่ลูกลง(ตามภาพที่ตำแหน่ง B) ทำให้ตีติดเน็ต หรือถ้าแก้มุมหน้าไม้ให้หงายมากขึ้นเพื่อตีลูกในจังหวะลง ก็ต้องออกแรงสู้กับแรงกระเด้งลงโดยตวัดไม้จากหงายมาคว่ำเพื่อตบลูกลงซึ่งฝึกได้ยากมากและขาดความแม่นยำ
นักปิงปองควรฝึกเคลื่อนตัวเข้าหาลูกให้เร็ว โดยคว่ำหน้าไม้เล็กน้อยตีลูกในจังหวะที่กระเด้งขึ้นสูงกว่าเน็ต(ตามภาพที่ตำแหน่ง A) ทิศของแรงกระเด้งของลูกออกจากหน้าไม้จะเป็นมุมเงยขึ้นสู้กับแรงหมุนของลูกแบคสปินที่กระทำต่อหน้าไม้อยู่ในตัว ให้ออกแรงตบจากหน้าไม้เล็งให้ลูกไปเกินกว่าตำแหน่งที่ต้องการ (ตามเส้นสีเขียวเข้ม) เช่น เล็งไปที่เส้นสกัดปลายโต๊ะของคู่ต่อสู้ จะพบว่าลูกที่กระเด้งออกจากไม้จะลงเกือบกลางโต๊ะ ดังนั้นหาต้องการตบกลับให้ลงปลายโต๊ะใกล้ๆกับเส้นสกัด(ตามเส้นประสีเขียว) ก็ต้องเล็งตีลูกให้ออกไปจากปลายเส้นสกัดบ้างเล็กน้อย