ฝึกเด็กให้รู้จักแพ้ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ชีวิต
วัยรุ่นยุคนี้ต้องต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอดในสังคมยากกว่ายุคก่อนๆมาก จำนวนประชากรมากขึ้นในขณะที่ทรัพยากรน้อยลง ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมากขึ้น โอกาสที่จะสมัครงานแล้วได้งานน้อยลง ถ้าหวังได้งานดีๆยิ่งมีโอกาสน้อยลงไปอีก หลายคนเรียนมาแล้วหางานทำไม่ได้ แต่ที่น่าห่วงกว่าคือคนที่มีโอกาสเข้าทำงานแล้วกลับทำงานได้ไม่ดี แค่เข้างานได้ไม่เท่าไรก็อยากเปลี่ยนงาน อยากลาออก ทนหัวหน้าไม่ได้ ทนเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ขาดความอดความทน ไม่รอเวลาว่าอีกหน่อยก็จะค่อยๆดีขึ้น
อย่าว่าแต่วัยรุ่นเลย แค่เด็กอายุสิบขวบก็มีปัญหามิใช่น้อย พ่อแม่ครูอาจารย์หรือผู้ใหญ่เห็นพฤติกรรมของเด็กๆแล้ว ต้องรู้สึกเหมือนๆกันว่าอนาคตของเด็กในวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เวลาว่างก็หันหน้าไปที่มือถือ พอทำข้อสอบไม่ได้อย่างที่หวังไว้ก็ขู่พ่อแม่แล้วว่าจะฆ่าตัวตาย พอผิดหวังอะไรนิดอะไรหน่อยก็บอกว่ารับไม่ได้ แล้วหันไปหาของมอมเมา หันไปคบเพื่อนที่เอาแต่ทำเรื่องสนุกไปวันๆ
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเด็กๆยังมีความคิดที่ใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาวสะอาด ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนว่าโลกข้างนอกของจริงเป็นอย่างไร ถ้าเป็นเด็กที่ชินแต่พ่อแม่เอาใจ พอเข้าทำงานแล้วไม่มีทางเอาแต่ใจตัวเองได้อีก ต้องเชื่อฟังทำตามคำสั่งของหัวหน้า หัวหน้าว่ายังไงเราก็ต้องทำตามนั้น พอถูกหัวหน้าตำหนิต่อว่าหน่อยก็ผิดหวังน้อยใจ ไม่พยายามปรับปรุงตัวเองให้เข้ากับคนอื่น
สองสามวันมานี้มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถามว่า ผมมุ่งหวังอยากจะให้เด็กๆหันมาเล่นปิงปองเพื่ออะไร เพื่อที่จะได้ชนะแข่งขันใช่ไหม ถ้าแข่งชนะแล้วจะได้ส่งเสริมให้เด็กๆหันมาเล่นปิงปองกันมากขึ้น
ผมเรียนตอบว่า อยากให้เด็กหันมาเล่นปิงปองกันมากขึ้น เพื่อจะได้รู้จักกับความพ่ายแพ้ โอกาสที่จะแพ้มีมากกว่าโอกาสที่จะชนะ มีไม่กี่คนหรอกที่จะชนะจนได้ถ้วยรางวัล
แน่นอนว่าการเล่นปิงปองให้ประโยชน์หลายอย่างมากกว่าแค่แพ้หรือชนะ แต่เมื่อรู้จักแพ้นี่แหละที่ช่วยเตรียมตัวให้เด็กปรับตัวปรับใจเข้ากับสังคมและชีวิตการทำงานในอนาคตของเขา
ไม่ต้องคิดไปไกลถึงถ้วยรางวัลหรือชัยชนะอันดับ 1 2 3 หรอกครับ พอเริ่มเล่นปิงปองแล้วมานับแต้มเล่นเกมกันก็จะสอนให้เด็กรู้จักกับความพ่ายแพ้แล้ว พอแต้มถูกนำก็ต้องรู้จักทำใจ เก็บอารมณ์ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น เรียนรู้ที่จะยอมรับกับความพ่ายแพ้ มองการแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต หากจะหาทางเอาชนะก็ต้องอาศัยความพยายาม ทำตามกฎกติกา เรียนรู้ที่จะมีน้ำใจเป็นนักกีฬาที่ดี
บทเรียนจากการเล่นปิงปอง โดยเฉพาะจากความพ่ายแพ้นี่แหละครับที่จะเป็นภูมิคุ้มกัน ช่วยเป็นพื้นฐานของผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
ฝึกส่งลูกลงในตำแหน่งที่ต้องการ
เวลาที่คุณเห็นใครก็ตามกำลังฝึกซ้อมตีโต้กันไปมา อย่าดูแค่ว่านักปิงปองเขาตีโต้กันได้รุนแรงและโต้กันได้นานเท่านั้น ต้องสังเกตให้ดีด้วยว่าตำแหน่งที่เขาส่งลูกออกไปลงโต๊ะฝั่งตรงข้ามในพื้นที่เดิมเสมอหรือไม่ และพื้นที่ที่ว่านี้อยู่ตรงไหนบนโต๊ะ
สมัยที่ผมเพิ่งเริ่มต้นฝึกซ้อมกับครูจันทร์ ชูสัตยานนท์ที่ใต้ถุนยิมเนเซียม 1 สนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน ต้องฝึกควบคุมทิศทางของการตีโต้ให้ส่งลูกลงที่มุมปลายโต๊ะของฝ่ายตรงข้ามเสมอ เรียกว่าตีเข้ามุมกันเลยก็ว่าได้ บ่อยครั้งทีเดียวที่จะเฉี่ยวลงปลายโต๊ะ กลายเป็นลูกกู้ดอยู่บ่อยๆ
การฝึกซ้อมที่เห็นกันทั่วไปโดยเฉพาะคนที่ฝึกกันเอง ไม่มีโค้ชคอยตักเตือน มักไม่สนใจว่าจะตีลงตรงไหน ส่วนใหญ่ฝึกตีกันแบบกลัวไม่ลงโต๊ะ เลยส่งลูกลงตรงกลางโต๊ะเป็นส่วนใหญ่ แถมตีไม่แม่นเสียอีก มุ่งแต่แรง หมุน กับเร็วกัน โดยไม่สนใจวิธีควบคุมทิศทางของลูก
การฝึกควบคุมทิศทางเพื่อส่งลูกลงในตำแหน่งที่ต้องการเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ให้คิดจินตนาการหรือขีดเส้นแบ่งพื้นที่บนโต๊ะปิงปองเป็น 9 ช่องแล้วส่งลูกไปลงยังช่องที่ต้องการให้ได้ พอเก่งขึ้นแล้วแทนที่จะแบ่งเป็น 9 ช่องให้แบ่งพื้นที่ให้เป็นช่องเล็กลงไปอีก ช่วงแรกให้ฝึกตีลูกที่ไม่หมุน พอแม่นแล้วจึงเล่นลูกหมุนแบบท้อปสปิน ค่อยๆเพิ่มความหมุนขึ้นเรื่อยๆ
โค้ชปิงปองญี่ปุ่นสอนให้ฝึกตีโต้กันไปมาผสมกันหลายแบบสลับกัน บางลูกให้ตีลูกไม่หมุน บางลูกหมุนแบบท้อปสปิน บางลูกหมุนข้างเลี้ยว หมุนมากหรือน้อยสลับกันไป วิถีของลูกที่ลอยไปก็ต้องปรับให้โค้งมากบ้างโค้งน้อยบ้าง สลับกันไปเรื่อยๆในการตีโต้กัน โดยพยายามใช้ท่าทางแบบเดียวกันตลอดเพื่อทำให้คู่ต่อสู้อ่านท่าไม่ออก ไม่ได้ตีโต้กันแบบธรรมดาอย่างที่เราเห็นในทีวีแล้วนึกกันง่ายๆว่าเขาเล่นลูกแบบเดียวกันทุกลูก สังเกตให้ดีว่าเวลาโยกกัน เขาส่งลูกฉีกเลี้ยวออกเส้นข้างเสียด้วยซ้ำไป
คนที่ตีแม่นจะกลายเป็นคู่ซ้อมที่ทุกคนอยากเล่นด้วย ทีมใดก็ตามที่มีนักปิงปองแบบนี้รับรองว่าจะช่วยกันฝึกซ้อมจนเก่งขึ้นได้ทุกคน
วิธีโต้ตอบลูกตัดแบบ Backspin
ในการโต้ตอบลูกตัดแบบ Backspin ถ้าเราจะตีกลับไปแบบ Topspin ควรตีให้โดนลูกปิงปองที่กระเด้งขึ้นในจังหวะใด และเพราะอะไรจึงต้องเลือกตีในจังหวะนั้น
ในแง่ของกลยุทธ
ในเมื่อเล่นกับมือรับแล้ว มือบุกต้องบุกเสมอ อย่าเปิดโอกาสให้มือรับสวนกลับ ยิ่งมือรับยุคนี้ไม่ใช่เอาแต่รับอย่างเดียว เขาอาจบุกกลับทันทีที่มีจังหวะ ดังนั้นมือบุกต้องบุกให้เร็วที่สุดในจังหวะที่ลูกกระเด้งขึ้นหรือลูกยังสูงกว่าระดับเน็ต
มือบุกต้องไม่ถอยไปตีลูกจังหวะลง อย่าใช้วิธีบุกไปหยอดไป แต่ต้องบุกโยกซ้ายขวาหรือท้อปอัดเข้าตัว พอมือรับถอยไปไกลและเสียหลักแล้วจึงสลับมาหยอดบ้าง
จากนั้นต้องเข้าใจหลักการเอาชนะความหมุนของลูกตัดที่ส่งมา
การโต้กลับลูกที่ลอยมาแบบ backspin ด้วยการตี topspin หรือ loop กลับไป ก่อนที่ลูกจะกระทบไม้ ต้องออกแรงปั่นลูก topspin กลับไปให้หมุนพอๆกับลูกที่หมุนมา เพื่อทำลายอิทธิพลของลูก backspin ที่จะมีต่อไม้ของผู้รับ ทำให้ทิศทางการหมุนของลูกปิงปองที่ลอยมาและลอยกลับไปไม่ได้เปลี่ยนทิศทางการหมุนแม้แต่น้อย
แต่ถ้าเอาแต่รอให้ลูก backspin ลอยมากระทบไม้ก่อนแล้วค่อยออกแรงกลับไป ถ้าคว่ำหน้าไม้ตีหรือหงายหน้าไม้น้อยไปจะพบว่าลูกกระเด้งติดเน็ตเพราะโดนอิทธิพลของลูก backspin เต็มที่นั่นเอง
สำหรับนักปิงปองมือใหม่มักมีวงสวิงช่วงอัดแรงสั้น ซึ่งทำให้ไม่สามารถเหวี่ยงไม้เข้าหาลูกที่ลอยมาหรือชอบรอให้ลูกวิ่งเข้าหาไม้ ทำให้รับอิทธิพลของลูกที่ตัดมาเต็มๆ ยิ่งกว่านั้นหากรอตีลูกจังหวะลง ย่อมทำให้มุมที่ลูกจะกระเด้งออกจากไม้พุ่งลงเน็ตไปในตัว จะรู้สึกเสมือนลูกที่ตัดมานั้นหมุนหนักขึ้นเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นวิธีแก้สำหรับนักปิงปองมือใหม่ที่ยังติดนิสัยตีลูกในจังหวะลง ต้องสอดไม้เข้าไปใต้ลูกให้มากขึ้นตามลูกตัดที่หนักขึ้นและเหวี่ยงไม้ชันมากขึ้นตามไปด้วย
วิธีฝึกที่จะเอาชนะลูกตัดแบบแบ็คสปิน ต้องเริ่มจากการเพิ่มวงสวิงช่วงอัดแรงให้มากขึ้น พอลูกกระเด้งขึ้นให้เหวี่ยงไม้สวนเข้าหาลูก ปั้นลูกให้หมุนมากกว่าหรือเท่ากับความหมุนของลูกที่ลอยมา ลากไม้ให้ยาวไปข้างหน้าเพื่อดันลูกให้ข้ามเน็ตกลับไป
ไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์
โดย arphawan sopontammarak
วันที่ 20 มีนาคม 2557
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ผลการศึกษาปัญหาการเจ็บป่วยจากการตรวจร่างกายของผู้สูงอายุไทยในปี 2552 โดยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ปรากฎว่ามีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปร้อยละ 85 หรือประมาณ 6 ล้านคน ที่สามารถดูแลตนเองได้ และมีผู้สูงอายุที่นอนติดเตียง ติดบ้าน ต้องพึ่งพิงคนอื่นช่วยดูแลกว่า 1 ล้านคนคิดเป็นเกือบร้อยละ 15
โดยมีประมาณ 960,000 คน ที่ช่วยเหลือตนเองได้บางส่วน อีกประมาณ 63,000 คน ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย โรคเรื้อรัง 5 อันดับที่พบมากในผู้สูงอายุคือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วนลงพุง และโรคข้อเสื่อม นอกจากนี้พบว่า มีผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 70 ที่สายตาไม่ดี มองเห็นไม่ชัดเจน และเกือบครึ่งหนึ่ง มีปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร เนื่องจากเหลือฟันแท้ในปากไม่ถึง 20 ซี่ สร้าง ปลัด สธ. กล่าวอีกว่า แนวโน้มผู้สูงอายุอยู่คนเดียวหรืออยู่ลำพังเพิ่มมากขึ้น 2 เท่าตัว จากร้อยละ 3.6 ในปี 2537 เป็นร้อยละ 7.6 ในปี 2550 จึงต้องเร่งพัฒนาระบบการดูแลที่เหมาะสม โดยในปี 2557 สธ.ได้จัดสรรงบประมาณ 39 ล้านบาท พัฒนาระบบการดูแล 3 เรื่อง คือ
1.การตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เช่นโรคซึมเศร้า โดยเน้นที่ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)กว่า 8,000 แห่งร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสุขภาพผู้สูงอายุในหมู่บ้านชุมชน สธ.ได้พัฒนาสมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุคล้ายคู่มือการดูแลเด็กแรกเกิด เพื่อดูแลอย่างต่อเนื่อง อยู่ระหว่างการประเมินผล
2.พัฒนาระบบบริการสุขภาพเชื่อมโยงจากสถานพยาบาลสู่ชุมชน เช่นการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม การดูแลผู้สูงอายุติดเตียงที่บ้าน
3.ส่งเสริมให้ชุมชน ท้องถิ่นมีระบบการดูแลและส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ การสร้างตำบล/อำเภอสุขภาพดี 80 ปียังแจ๋ว เป็นต้น
ท่าเตรียมพร้อม จะเริ่มต้นที่ดีต้อง ปลอดภัยไว้ก่อน
ผมเห็นนักปิงปองที่ตีปิงปองกันแบบเอาเป็นเอาตาย เห็นแล้วแล้วอดห่วงไม่ได้ว่าอีกหน่อยเขาจะเป็นอย่างผมหรือไม่ เจ็บเข่าจนต้องผ่าเข่า พอผ่าแล้วเส้นยึดกันจนเล่นไม่ได้ไปยี่สิบกว่าปี ยังมีอดีตทีมชาติกับนักปิงปองอีกหลายคนที่เล่นจนบาดเจ็บ ขยับแขนก็เจ็บไหล่เจ็บข้อศอก ก้าวแต่ละก้าวก็เจ็บเข่า ถ้าไม่ได้ตัวช่วยด้วยการใส่สนับก็เล่นไม่ไหว แต่การใส่สนับนั้นก็เป็นดาบสองคมเพราะทำให้ร่างกายสบายจนเคยตัว ไม่เสริมสร้างกล้ามเนื้อมาช่วยรองรับแรง พอพึ่งสนับเข่าสนับข้อศอกก็ต้องสวมสนับไปเรื่อยๆ
อย่าว่าแต่ทีมชาติเลย คนที่เล่นปิงปองแค่เพื่อได้ออกกำลังกายบ้าง ท่ายืนก็ผิด ท่าตีก็ผิด ผมเตือนว่าให้ปรับท่าเสียใหม่ก็ดื้อไม่ยอมทำตาม เถียงคอเป็นเอ็นอ้างว่าร่างกายของเขาทำไม่ได้หรอก แขนติด ไหล่ติด เคยประสบอุบัติเหตุบ้าง เคยชินตีท่าอย่างนี้มาตลอด คุยทับกลับมาเสียอีกว่า อย่าไปยึดติดกับตำรานักเลย หลายคนเขาก็ตีท่าแบบนี้กัน เขาใช้ท่านี้เอาชนะคนอื่นมานักต่อนัก ผมเตือนแล้วเตือนอีกก็ยังไม่ยอมปรับปรุง สุดท้ายก็เจ็บหลังจนเล่นไม่ได้อีกเลย หรือไม่ก็เล่นปิงปองไม่ก้าวหน้าไปถึงไหน รอวันที่จะเจ็บตัวจนเล่นไม่ได้ไปอีกคน
บทความแนะนำ Top 3 Table Tennis Injuries (and How to Prevent Them)!
ผ่อนคลาย (Relax)
ผ่อนคลาย (Relax) คือ หลักการสำคัญของการเล่นปิงปองและกีฬาอื่นแทบทุกชนิด แม้แต่การขยับแข้งขยับขาที่คนเราเดินไปเดินมากันอยู่นี้ก็ต้องอาศัยการผ่อนคลายไว้ก่อน มีใครที่ไหนบ้างที่เดินโดยไม่ต้องงอขา เอื้อมแขนไปหยิบของโดยไม่ต้องงอแขนงอนิ้ว
การงอของข้อพับทุกส่วนนี่แหละคือการผ่อนคลาย ทำให้กล้ามเนื้อพร้อมที่จะขยับเข้าขยับออก (ในแง่ของกล้ามเนื้อคือการหดเข้าแล้วยืดออก)
ถ้ายืนตรงไม่ยอมพับเอวงอเข่า เวลาถูกโยกก็จะเสียสมดุลจะล้มได้ง่าย ต้องเอื้อมออกไปตีลูก พอเอื้อมออกไปก็จะต้องเกร็งเอวเกร็งหลังเพื่อทำตัวไม่ให้ล้ม อีกหน่อยก็จะปวดหลังปวดเอว
แนวของหัวเข่าต้องอยู่ข้างในแนวของเท้า ถ้าถูกโยกไปทางขวาจะได้ดีดตัวจากเท้าซ้าย ถ้าถูกโยกไปทางซ้ายจะได้ดีดตัวจากเท้าขวา
ถ้าวางเท้าขวาไว้ข้างหน้าเท้าซ้ายหรือแม้แต่วางเท้าขนานกัน เวลาถ่ายน้ำหนักไปข้างหน้าเพื่อตีลูกออกไป กระดูกสันหลังก็จะทำหน้าที่รับแรงกระแทกตอนที่จะหยุดวงเหวี่ยง อีกหน่อยก็จะปวดหลังหรือแนวกระดูกสันหลังบิดเบี้ยว
ถ้าจับไม้กำด้ามไม้แน่นเกินไป กล้ามเนื้อแขนก็จะเกร็งทำให้เหวี่ยงแขนไม่ออก ข้อพับข้อศอกไม่ทำงาน ต้องอาศัยแรงเหวี่ยงจากหัวไหล่แทน ภาระการรับแรงก็จะตกอยู่กับกระดูกสันหลังกับหัวไหล่
เมื่อตีลูกปิงปองออกไปแล้วก็ต้องเตรียมพร้อมกลับมาเพื่อตีลูกถัดไป ถ้าเอาแต่ยืนตรง ไม่พับงอเอว ส่วนที่รับแรงที่ส่งออกไปแล้วดีดกลับเหมือนกันชนก็คือกระดูกสันหลังที่ต้องรับภาระอย่างมาก
ท่าตีปิงปองที่ดีต้องถ่ายแรงจากเท้าหลังมาเท้าหน้า ลำตัวหมุนตามแนวตั้ง ส่งแรงจากเท้ามาสู่เอว จากเอวหรือสะโพกมาสู่ไหล่ จากไหล่มาสู่แขนท่อนบน จากแขนท่อนบนมาสู่แขนท่อนล่าง จากแขนท่อนล่างมาสู่มือ จากมือก็ส่งแรงไปที่ไม้ปิงปอง เป็นการถ่ายเทโมเมนตัมจากอวัยวะที่มีมวลมากไปสู่อวัยวะที่มีมวลน้อยกว่า ดูรายละเอียดได้จากบทความเรื่อง พลังที่ซ่อนเร้น
ท่าเตรียมพร้อมของกีฬาเทนนิสไม่ได้ต่างจากปิงปอง แถมเขามีการศึกษาไว้อย่างละเอียด แนะนำให้อ่าน
http://blog.sirolatrainingmethod.com/2015/08/athletic-stance-4-important-rules-to-have-optimal-position/
เบสิค เบสิค เบสิค
วิดีโอในยูทูปทำให้นักปิงปองมือใหม่เลียนแบบท่าทางของแชมป์โดยไม่รู้เลยว่า กว่าเขาจะเล่นได้แบบที่เห็นนั้นต้องผ่านการฝึกฝนมามากเหลือเกิน ถ้าเราเอาแต่ฝึกข้ามขั้นก็จะได้แต่เปลือกเท่านั้น ท่าทางแมัจะดูเหมือนแต่อานุภาพกลับด้อยกว่า ดังนั้นเบสิคหรือพื้นฐานที่ดีจึงเป็นขั้นตอนที่ห้ามมองข้ามอย่างเด็ดขาด
วิดีโอของนักปิงปองสาวชาวเกาหลีที่นำมาแนะนำนี้ สร้างขึ้นมาอย่างดีมาก ขอให้สังเกตกำแพงที่เป็นเส้นฉากหลังไว้ด้วยว่าตัวนักปิงปองมีอาการส่ายไปมาขึ้นลงอย่างไรบ้าง เปรียบเทียบแต่ละขั้นว่ามีการขยับตัวขยับแขนมากน้อยต่างกัน
https://www.youtube.com/channel/UCbY2IZvpW8pxHcCFDWfwC1w
1 ท่าเตรียมพร้อม https://youtu.be/HszbKMS46GI
2 Backhand Drive https://youtu.be/NgX7UIfNKRI
3 การขยับเท้า ขยับตัว https://youtu.be/CVesptAgp3w
4 Backhand Push https://youtu.be/xwkbNEzCeVU
5 Backhand / Forehand Push https://youtu.be/K0D4Y5fhdG8
6 Forehand Drive https://youtu.be/Fv_aK5eTVFw
7 Forehand Drive https://youtu.be/f4GzBbEjtnE
8 Backhand Drive https://youtu.be/AXDUR8OGQ6E
9 Forehand Topspin https://youtu.be/vaMLFpFuE3k
10 Forehand Topspin https://youtu.be/KhKim2iCKR8
11 Backhand Topspin https://youtu.be/78fHcgZi_2o
12 Forehand Loop https://youtu.be/BC5ueZ2Rfso
13 Block https://youtu.be/0s74uWG50Lc
Serve
1 https://youtu.be/ezMyuwetN-A
2 https://youtu.be/WY3D0QxpriE
3 https://youtu.be/AqQDc9r4YDc
Footwork
1 https://youtu.be/K92kt4HRxjo
นักปิงปองที่หวังจะมีอาชีพเป็นโค้ช ควรหาทางสร้างเว็บทำวิดีโอให้ได้ดีแบบนี้ ไม่งั้นแล้วจะกลายเป็นว่าอาชีพโค้ชที่สอนได้แต่แบบเดิมที่จะสาบสูญไปตามยุค IGen ซึ่งผู้ที่สามารถนำเทคโนโลยีมาดัดแปลงประยุกต์ใช้ได้เท่านั้นที่จะอยู่รอด
เลียนแบบเหมือนได้ แต่ทำได้ไม่เหมือน
ตามปกติท่าตีแบ็คแฮนด์ ในขณะที่เหวี่ยงแขนจากซ้ายไปขวา เราถูกสอนกันมาว่าให้ถ่ายน้ำหนักจากเท้าซ้ายมาเท้าขวา โดยจุดที่ไม้กระทบลูกปิงปองอยู่ค่อนไปทางซ้ายของลำตัว แต่ถ้าตำแหน่งที่ยืนตั้งท่ารับลูกนั้นค่อนออกไปทางซ้ายมือของโต๊ะอยู่แล้วล่ะ ลูกที่ส่งมาหาเราแทบไม่มีทางที่จะอยู่ทางซ้ายของลำตัวได้เลย ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณกลางตัวหรือค่อนออกมาทางขวานิดๆเสียด้วยซ้ำ หากเป็นแบบนี้แล้วยังจำเป็นต้องถ่ายน้ำหนักจากขาซ้ายมาขวาอยู่อีกหรือ
จากภาพนี้สังเกตว่า จุดที่ไม้กระทบลูกอยู่กลางตัว แทนที่จะใช้วิธีถ่ายน้ำหนักจากเท้าซ้ายมาขวาหรือขวามาซ้าย Ma Long ใช้วิธีพับเอวลงตรงๆเพื่อย่อขาท่อนบนแล้วดีดตัวขึ้นมาจากเท้าทั้งสองข้างพร้อมกันเพื่อส่งแรง (แต่ไม่ได้ย่อขาท่อนล่างลงไปจากเดิม)
ส่วนมุมท่อนแขนตรงข้อศอกในจังหวะอัดแรงดูเหมือนเป็นมุมฉากไว้ตลอดเวลา โดยจะเหวี่ยงหัวไหล่ให้ข้อศอกมาขนานกับลำตัวตรงเอวด้านขวา ช่วงนี้หน้าไม้ปิงปองจะถูกอัดเข้าหาพุงเพื่ออัดแรง จากนั้นพอดีดตัวขึ้นก็จะเหวี่ยงแขนท่อนบนตามออกไปด้านหน้า ตามด้วยแขนท่อนล่างที่จะเหวี่ยงขึ้นมาเพียงเล็กน้อยแล้วยืดแขนออกไปข้างหน้า สุดท้ายข้อมือจึงสะบัดออกไปตามแรงโมเมนตัมที่ส่งออกมา โดยจังหวะที่ไม้กระทบลูกจะเป็นช่วงที่ไม้เคลื่อนที่เร็วที่สุดพอดีและมีทิศทางที่กดหน้าไม้ลง (ไม่ได้เหวี่ยงขึ้นอีก) จึงทำให้ส่งลูกออกไปได้แรงและเร็วมาก
ในจังหวะอัดแรง ให้ใช้กล้ามเนื้อของหัวไหล่ดึงข้อศอกกลับมาไว้ด้านข้างลำตัว ทำให้มีระยะทางให้อัดแรงได้มากขึ้นกว่าการวางข้อศอกไว้หน้าลำตัว พอปล่อยแรงก็ดันข้อศอกออกไปตรงๆ คล้ายกับท่าตีศอกเสยขึ้นของมวยไทย
ถ้าอยากจะเลียนแบบท่านี้หรือท่าอื่นใดก็ตามของนักปิงปองจีน อย่าลืมว่า Ma Long สูง 175 ซม ดังนั้นท่าของเขาที่เห็นว่าเหวี่ยงไม้ลงไปที่พุงนั้น ระดับของไม้ยังไงๆก็ยังไม่ได้ต่ำกว่าระดับโต๊ะ ถ้าคนตัวเตี้ยกว่านี้ต้องอย่าเหวี่ยงไม้ลงไปต่ำนัก ท่าทางอาจจะทำได้เหมือนแต่อานุภาพห่างคนละชั้นกันเพราะความสูงนี่เอง
สำนึกแค่ 4 - 5 อย่างในการอยู่ร่วมกันในห้องฝึกซ้อมปิงปอง
แม้จะมีกฏเกณฑ์ กฎกติกา ระเบียบ หรือกฎหมาย แต่ประชาชนขาดจิตสำนึกว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ก็ย่อมทำให้เกิดปัญหาในสังคมไทย โดยเฉพาะคนที่รู้ตัวว่าเป็นสิ่งผิด แต่เมื่อเห็นคนอื่นทำได้ ตัวเองก็เลยทำตามไปด้วย ถ้ากฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย สุดท้ายก็ต้องใช้การควบคุมหรือจับมาลงโทษอย่างพวกแผงลอยที่ตั้งบนทางเท้า เป็นต้น
การอยู่ร่วมกันในสังคมสำหรับนักปิงปอง เริ่มต้นที่การใช้สถานที่ฝึกซ้อมปิงปอง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สาธารณะหรือห้องปิงปองที่จ่ายเงินจองโต๊ะจองเวลาก็ตาม ผู้ใช้สถานที่ต้องมีจิตสำนึกที่จะเคารพสิทธิของผู้อื่น
- เก้าอี้มีไว้ใช้นั่ง ไม่ใช่วางของ นักปิงปองต้องมีน้ำใจคิดเผื่อให้กับคนที่เขาที่ไม่ได้เล่นหรือต้องการเก้าอี้สำหรับนั่งพัก ต่อให้มีเก้าอี้เหลือให้นั่งว่างอยู่ก็ไม่ควรใช้วางของ อย่าสร้างความลำบากใจให้กับคนอื่น
- ถ้าไม่ได้ฝึกซ้อมในคอกที่มีฉากกั้นลูก ต้องใช้ลูกปิงปองเพียงลูกเดียวเท่านั้นในการฝึกซ้อม อย่าใช้ลูกปิงปองหลายลูกแล้วตีกระจายพื้นทั่วห้อง สร้างความลำบากให้กับโต๊ะอื่น
- การใช้สถานที่ซึ่งเปิดให้คนทั่วไปเข้ามาใช้ฝึกซ้อม ทุกคนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน ถึงจะได้รับสิทธิพิเศษให้ใช้สถานที่เหนือกว่าคนอื่น อย่าถือว่าตัวเองจ่ายเงินซื้อเวลาเข้ามาแล้วหรือเจ้าของสถานที่เขาไม่ว่าอะไร ขอให้มีจิตสำนึกที่จะใช้สิทธิพิเศษนั้นเท่าที่จะไม่เอาเปรียบหรือสร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่น
- ปิงปองเป็นกีฬาที่ต้องใช้สมาธิ ห้ามส่งเสียงดัง หรือแม้แต่การออกเสียงเวลาตีออกมาทางปากหรือกระทืบเท้าดังๆ
- เมื่อฝึกซ้อมเสร็จแล้ว ต้องช่วยกันรักษาความสะอาด จัดโต๊ะ เก้าอี้ หรือพัดลมที่ตัวเองเคลื่อนย้าย กลับมาวางที่เดิมให้เรียบร้อย
ขอให้เชื่อเรื่องบุญบาปไว้บ้าง กรรมน่ะมีจริง ขอให้มีสำนึกที่จะใช้ของส่วนกลางร่วมกัน อย่าเอามาใช้แบบส่วนตัวโดยไม่คิดถึงใจของคนอื่นบ้าง อย่าสร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่น แม้จะไม่มีใครห้าม ไม่มีใครกล้าออกมาร้องทุกข์ก็ตาม
เทคนิคการเล่นปิงปองของฝรั่งหรือจีนญี่ปุ่นดีกว่ากัน
คุณคิดว่าเทคนิคการเล่นปิงปองของใครเหนือชั้นที่สุดในโลก เชิ่อว่าหลายๆคนต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า จีน ใช่ไหม ที่ตอบแบบนี้เพราะเห็นนักปิงปองจีนครองแชมป์ใช่หรือไม่
การที่ประเทศจีนมีนักปิงปองเก่งมากๆนั่นเป็นเพราะจีนเป็นประเทศที่มีประชากรที่สนใจเล่นปิงปองกันเป็นจำนวนมาก คนเก่งแค่ระดับจังหวัดเล็กๆของเขาก็เก่งเหนือกว่าแชมป์ระดับประเทศของบางแห่งไปแล้ว ส่วนรัฐบาลก็ยังส่งเสริมวิทยาศาสตร์การกีฬาปิงปอง คิดค้นความรู้ใหม่ๆมาอวดให้เราเห็นอยู่เสมอ ส่วนญี่ปุ่นกับเกาหลีแม้เป็นประเทศที่เล็กกว่าจีน จำนวนคนก็น้อยกว่า แต่ก็มีนักปิงปองที่เก่งชนิดที่จีนก็ยังขยาด นั่นแสดงว่าเทคโนโลยีปิงปองของทั้งสองประเทศนี้น่าจะดีกว่าของจีนเสียอีก
ทุกวันนี้แม้จะมียูทูปเปิดดูวิดีโอให้ได้เรียนรู้ศึกษากันด้วยสายตา แต่ใช่ว่าจะมองออกว่าเขาใช้เทคนิคอะไร ครั้นจะอ่านจากตำราปิงปองก็มักจะอ่านจากตำราภาษาอังกฤษ แต่น่าคิดสงสัยว่าฝรั่งชาติที่เขียนตำราภาษาอังกฤษมาให้เราอ่านกันนั้น เก่งปิงปองขนาดไหน มีเทคนิคเทียบชั้นกับจีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลีได้หรือไม่
ถ้าคุณเคยอ่านตำราปิงปองของจีนหรือญี่ปุ่นจะอ้าปากค้างทีเดียว นั่นเป็นเพราะตำราของเขาสอนเทคนิคการเล่นปิงปองที่เหนือกว่าที่มีอยู่ในตำราปิงปองภาษาอังกฤษ เหนือกว่าชนิดที่เรานึกไม่ถึงกันเลย พออ่านแล้วย้อนกลับมาดูวิดีโอในยูทูปก็จะมองออกได้ชัดเจนมากขึ้นว่า เทคนิคที่เขาใช้เล่นปิงปองน่ะ ต่างจากเทคนิคที่เรารู้กันหรือคิดเดากันมากมาย วิธีฝึกปิงปองที่เรารับมาจากทางยุโรปหรือแม้แต่ที่ได้เรียนรู้จากโค้ชจีนโค้ชฝรั่งก็ให้เวลามาถ่ายทอดได้แค่ในช่วงเวลาจำกัด จึงยังลึกซึ้งและได้รายละเอียดน้อยกว่าการได้อ่านจากตำรา(ไม่ว่าภาษาใด)อย่างเทียบกันไม่ติด
ดูแต่ท่า หรือลอกท่าเขามาใช้ ไหนเลยจะสู้อ่านเคล็ดวิชาของจริงจากคัมภีร์เก้าอิม