คนเรามักให้ความศรัทธาเชื่อคำสอนของนักปิงปองที่เป็นแชมป์หรือคนที่ตีปิงปองได้เก่งกว่าโดยลืมนึกไปว่า การเอาชนะในกีฬาปิงปองต้องอาศัยทั้งความสมบูรณ์ของร่างกาย ความชำนาญที่ได้จากการฝึกซ้อมอย่างหนัก และความฉลาด ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่มีคุณสมบัติสองอย่างแรกใกล้เคียงกัน คนที่เล่นเกมได้ฉลาดกว่าย่อมเอาชนะได้ในที่สุด แต่พออายุมากขึ้นเรี่ยวแรงลดถอยลงไปอีกทั้งมีครอบครัวมีภาระหน้าที่ไม่สามารถใช้เวลากับการฝึกฝนได้อย่างเดิม แม้ฉลาดกว่าก็ยากจะเคลื่อนตัวได้เร็วหรือออกแรงเหวี่ยงไม้เอาชนะนักปิงปองที่อายุอ่อนกว่า ส่วนนักปิงปองที่แข่งขันได้แชมป์อาจได้มาจากการใช้แรงและความชำนาญมากกว่าการใช้สมองทั้งๆที่เขามีท่าทางในการตีปิงปองผิดๆก็เป็นได้
หากต้องการเรียนรู้เทคนิคการตีปิงปองอย่างไม่รู้จักจบสิ้นควรยึดหลักอวดโง่ดีกว่าอวดฉลาด ไม่ควรทำตัวหยิ่งยะโส เลิกยกมือไหว้ทักทาย หรืออวดเบ่งว่าตัวเองรู้มากกว่าเขาเพียงเพราะเอาชนะเขาได้ ควรทำตัวเป็นผู้ฟัง พยายามถ่อมตัวให้มากเข้าไว้ เมื่อฝึกซ้อมกับใครก็ควรขอคำแนะนำจากคู่ซ้อมเสมอว่าตัวเองควรปรับปรุงแก้ไขการตีอย่างไรบ้าง ที่สำคัญการได้รู้จักกันในสนามฝึกเป็นจุดเริ่มของความสัมพันธ์ที่สามารถให้ความช่วยเหลือกันในเรื่องอื่นนอกเหนือจากปิงปอง
การได้ฟังคำแนะนำจากคนอื่น ไม่ว่าเขาจะเด็กกว่า แก่กว่า แม้จะเป็นเรื่องที่ตัวเองทราบอยู่แล้ว อย่ารีบเชื่อหรือคัดค้าน อย่าเชื่อแค่เพราะเขาเป็นแชมป์ อย่ารีบนำมาใช้เพราะอาจไม่เหมาะกับท่าตีของตัวเองก็ได้ เมื่อได้ฟังซ้ำตรงกับความเข้าใจเดิมย่อมเป็นการยืนยันว่าตัวเองเข้าใจถูก บางเรื่องที่ยังไม่ชัดก็ทราบชัดเจนขึ้น จะได้ทราบเรื่องที่ไม่เคยทราบ ได้เห็นมุมมองที่ไม่เคยคิดมาก่อน
น่าเสียดายว่าเมื่อนักปิงปองได้ขึ้นชื่อว่าเป็นครูหรือเป็นโค้ชปิงปองแล้ว คนอื่นมักเกรงใจไม่กล้าโต้แย้ง ไม่กล้าสอนคนที่เป็นครู ทำให้ครูหมดโอกาสได้รับคำแนะนำที่ดีไปมากทีเดียว