ปิงปองเป็นกีฬาที่อาศัยความรวดเร็วในการตีโต้กลับไปอย่างมาก พอลูกปิงปองกระเด้งออกจากไม้ไปแล้วต้องมีสมาธิติดตามดูพฤติกรรมของคู่ต่อสู้ว่าเขาจะตีกลับมาอย่างไรและย้อนกลับมาลงโต๊ะฝั่งของเราที่ตรงไหน เราจะต้องเคลื่อนตัวไปตั้งท่าเตรียมรับให้พร้อม กะระยะการวางเท้าห่างจากโต๊ะให้เหมาะ แล้วตัดสินใจตีกลับไปโดยไม่ต้องคิด เพราะคิดไม่ทันหรอกใช่ไหมว่าจะต้องตั้งหน้าไม้มากน้อยเพียงไร เหวี่ยงไม้ในทิศทางไหน จะกระทบลูกจังหวะที่ลูกกระเด้งขึ้นหรือจุดสูงสุดดี จะตีลูกกลับไปแรงหรือค่อย เลียดหรือโด่ง สั้นหรือยาว หมุนมากหรือหมุนน้อย จะให้ลงตรงไหนของโต๊ะหรือตีอัดเข้าตัวคู่ต่อสู้ดีกว่ากัน ขั้นตอนเหล่านี้ต้องเป็นไปในช่วงเสี้ยววินาที ไม่มีทางที่จะคิดทัน ด้วยเหตุเหล่านี้นักปิงปองจึงชอบฝึกโดยแข่งนับเกมกันเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นทางเดียวที่จะฝึกตีหลายๆท่าได้คล่อง พอถึงเวลาแข่งขันจริงก็เอาชนะได้เพียงเพราะตีได้แรงกว่า เร็วกว่า หมุนกว่า แต่ตอบไม่ได้เมื่อถูกถามว่าเอาชนะเขามาได้เพราะคู่ต่อสู้มีจุดอ่อนตรงไหน เราใช้ยุทธวิธีใดจึงเอาชนะเขามาได้
ในระหว่างการแข่งขันให้คิดวางแผนการตีในช่วงก่อนที่จะเสริฟหรือก่อนรับลูกเสริฟหรือระว่างพัก พอตีกันแล้วต้องตีโดยใช้จิตใต้สำนึก
จิตใต้สำนึกพัฒนาให้ดีขึ้นได้โดยการฝึกซ้อมลูกเบสิกให้มากจนกระทั่งคุ้นเคยสามารถตีลูกแปลกๆได้คล่อง ควรฝึกซ้อมส่งลูกโต้กันไปมาหลายๆแบบ เมื่อแข่งจริงแล้วลูกเข้าทางที่เคยฝึกมาก็สามารถตีโต้กลับไปได้อย่างชำนาญ ครูผู้ฝึกสอนควรป้อนลูกให้ตี (multi-ball) เพื่อซ้อมให้เก่งในท่าไม้ตายยิ่งขึ้น
หากยังใช้ท่าตีผิดพลาดอยู่ ไม่ควรใช้วิธีฝึกแบบ multi-ball หรือเอาแต่ซ้อมท่านั้นซ้ำแล้วซ้าอีกเพราะจะกลายเป็นท่าที่ใช้จิตใต้สำนึกตีจนติดเป็นนิสัย(เสีย)
ช่วงที่คู่ซ้อมยังไม่มา ควรฝึกตีลมโดยจินตนาการว่ากำลังตีโต้ลูกแบบนั้นแบบนี้เพื่อฝึกท่าเหวี่ยงและจังหวะการก้าวเท้า
ช่วงที่ไม่ได้ลงสนามฝึก ควรใช้สมองคิดจินตนาการถึงการตีปิงปอง สร้างภาพขึ้นในใจว่าถ้าเขาตีมาท่าทางแบบนี้จะตีโต้กลับไปอย่างไร ช่วงที่นั่งดูคนอื่นแข่งขันก็คิดว่าถ้าเป็นตัวเองจะตีกลับไปอย่างไร จะบุกเขาด้วยวิธีใด หาหนังสือปิงปองมาอ่านเพื่อฝึกสมองให้จินตนาการคิดตาม และเขียนบันทึกประจำวันเพื่อสอนตัวเองว่าต้องตีอย่างไรจึงจะดีขึ้น
เมื่อฝึกจิตใต้สำนึกให้คุ้นเคยกับการตีโต้ในสถานการณ์หลากหลายแบบแล้ว พอถึงเวลาแข่งขันจริงจะพบว่าสามารถคิดและตัดสินใจได้เร็วขึ้นจนเหมือนไม่ต้องคิด