นักปิงปองไทยยุคนี้แทบทุกคนมีรูปแบบการตีเหมือนกัน ชอบฝึกตี topspin กันไปมาหรือไม่ก็ topspin ไปให้บล้อคกลับมา แต่น้อยคนนักที่จะรู้วิธี topspin เพื่อโต้กลับลูกที่ส่งมาแบบ backspin เพราะไม่ยอมฝึก push เพื่อส่งลูกแบบ backspin หนักบ้างเบาบ้าง หรือขาดคู่ซ้อมมือรับที่ตีลูก backspin เก่งๆ กลายเป็นจุดอ่อนของมือบุกที่เอาชนะได้แต่มือบุกเหมือนกันแต่กลับแพ้มือรับ
ครูจันทร์ ชูสัตยานนท์ สอนให้ฝึกตี backspin ทั้งลูกสั้นและลูกยาวไกลโต๊ะให้เป็นทุกคน โดยใช้ยางเรียบตามปกติที่ใช้กันนี่แหละ จะได้ช่วยเป็นคู่ซ้อมให้อีกฝ่ายฝึก topspin กลับมาเป็นด้วย โดยในช่วงเริ่มแรกที่เพิ่งฝึก topspin ให้ตีลูกในจังหวะ 2-3 ซึ่งเป็นจังหวะที่ลูกกระเด้งสูงสุดหรือใช้จังหวะตก ถ้าเป็น backspin ที่หมุนหนักมากๆก็ต้องหงายหน้าไม้มากขึ้น สอดไม้เข้าใต้ลูกมากขึ้นในจังหวะที่ลูกตกลงมาเยอะก่อน แล้วใช้วงสวิงเหวี่ยงขึ้นไปข้างบนมากขึ้นตามแต่ว่าลูกหมุนมาแบบ backspin มากน้อยเพียงใด ให้ออกแรงจากขาช่วยการเหวี่ยงแขนขึ้นเพื่อปั่นลูกให้หมุนแบบ topspin มากๆกลับไปแต่ไม่ต้องใช้ข้อมือช่วย ทั้งนี้ต้องฝึกอ่านหน้าไม้ท่าทางการตีของคู่ฝึก เสียงที่ไม้กระทบลูก และลักษณะที่ลูกลอยมาให้ดีว่าเขาส่งลูก backspin มาหนักหรือเบา
การแนะนำให้เริ่มฝึกจากการเลือกให้ไม้กระทบลูกปิงปองในจังหวะที่ลูกตกและหงายไม้ จะช่วยเพิ่มโอกาสตีโดนลูกได้มากขึ้นและเมื่อลูกตกลงบนไม้จะกลิ้งออกแบบ topspin ที่ล้างแรงหมุนของลูกที่หมุนมาแบบ backspin ไปได้ในตัว
สังเกตลูก backspin หนักได้จากหน้าไม้ของคู่ซ้อมว่าตอนกระทบลูกใช้หงายหน้าไม้มากเพื่อตีใต้ลูกคล้ายๆการช้อนลูกกลับมา มีเสียงที่ไม้กระทบลูกค่อยไม่ดังก้องๆ ลูกวิ่งมาช้า เป็นวิถีโค้งมากหน่อย พอตกกระทบโต๊ะจะกระเด้งสั้นๆและแรงน้อยลง และตกลงใกล้ๆกับจุดที่ลงโต๊ะ ลูกหมุนเร็วจนไม่สามารถมองเห็นตรายี่ห้อบนลูก
อย่างไรก็ตามการตีลูกจังหวะตกต้องเคลื่อนตัวไปรอลูกให้ดี เพราะลูกที่ backspin มาพอกระทบโต๊ะก็จะช้าลงและมีมุมกระเด้งขึ้นที่ชันขึ้นแล้วตกลงมาใกล้ๆกับจุดที่ลูกกระทบโต๊ะนั่นเอง นักปิงปองต้องก้าวเท้าเข้าหาลูกให้ไวขึ้น และปรับหน้าไม้ให้หงายไว้ ซึ่งการหงายหน้าไม้มีประโยชน์อีกอย่างในการเพิ่มโอกาสที่วงเหวี่ยงไม้จะกระทบลูกที่ตกลงได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าหงายหน้าไม้น้อยไปหรือคว่ำหน้าไม้เพื่อตีลูกจังหวะตกลงต่ำมาก อาจตีไม่โดนลูกปิงปองก็ได้ ดังนั้นถ้าคิดจะตีลูกจังหวะตก ต้องเลือกจังหวะที่ลูกเริ่มตกเท่านั้นและยังสูงกว่าระดับเน็ต ไม่ควรรอให้ตกลงไปเยอะๆก่อนจนลูกปิงปองต่ำกว่าระดับเน็ต เว้นแต่ต้องการรอเพื่ออ่านลูกที่หมุนมาให้มั่นใจก่อนว่าหมุนมาอย่างไรหรือรอให้ลูกหมุนช้าลงบ้าง
เมื่อวิเคราะห์แรงที่เกี่ยวข้องในกรณีที่หงายหน้าไม้เพื่อตีลูกจังหวะตก แรงที่ลูกตกเข้าหาไม้(เส้นสีฟ้า)จะกระเด้งออกไปในทิศข้างหน้าและมีมุมเงยขึ้นได้ต่อเมื่อปรับมุมหน้าไม้ให้หงายมาก ถ้าหงายน้อยไปจะทำให้แรงนี้มีมุมชี้ลง ทำให้ต้องออกแรงจากหน้าไม้มากขึ้นเพื่อสู้กับแรงจากลูกที่ตกกับแรงที่ลูกหมุน หากต้องการปั่นลูกให้หมุนมากกลับไปก็ต้องเหวี่ยงไม้ขึ้นข้างบน(เส้นสีน้ำตาล)เพื่อเฉี่ยวขอบลูก แต่มุมของแรงผลลัพธ์จะไม่เลียดเน็ต ทำให้ลูก topspin ที่ได้ค่อนข้างโด่งและลอยช้า ดังนั้นการตีลูก topspin จังหวะที่ลูกตกจึงเหมาะสำหรับการตีลูก slow loop ซึ่งใช้แรงไปกับการหมุนมากกว่าต้องการตีลูกให้ลอยกลับไปแรงๆและเร็วๆ
หากต้องการตีให้เร็วและแรงเพื่อฉวยโอกาสเปิดเกมบุก ควรฝึกตีลูก topspin สวนกลับลูก backspin ในจังหวะที่ลูกกระเด้งขึ้นช่วงที่มีระยะความสูงกว่าเน็ตจนถึงจุดสูงสุดเพื่อตี loop drive หรือ loop kill
เมื่อตีลูกในจังหวะที่ลูกกระเด้งขึ้น ไม่จำเป็นต้องหงายหน้าไม้อีกต่อไปเพราะแรงที่ลูกกระเด้งจากโต๊ะเข้าหาไม้จะกระเด้งออกจากไม้(เส้นสีฟ้า)เป็นมุมเงยชี้ขึ้นให้เอง เมื่อบวกกับแรงจากการตีหน้าไม้จะสู้กับแรงจากการหมุน backspin ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการคว่ำหน้าไม้ช่วยทำให้ออกแรงปั่นลูกให้หมุนแบบ topspin ได้ในตัว แรงผลลัพธ์มีมุมเงยเพียงเล็กน้อยเป็นลูกที่เลียดเน็ตยากที่คู่ต่อสู้จะบุกกลับ ถ้าออกแรงตีผ่านลูกไปข้างหน้าจะกลายเป็น loop kill หรือออกแรงไปข้างบนจะกลายเป็น loop drive
- ถ้าตีแล้วลูกปิงปองพุ่งออกไม่ลงโต๊ะ ให้ปรับแนวการเหวี่ยงไม้ให้ไปข้างหน้ามากกว่าไปข้างบน
- ถ้าตีแล้วติดเน็ต ให้ปั่นลูกปิงปองให้หมุนมากขึ้น
ต้องออกแรงเหวี่ยงไม้เข้าหาลูก และสะบัดหน้าไม้เพื่อสร้างความเร็วของหน้าไม้ที่จะปั่นการหมุนให้กับลูกปิงปองไว้ก่อนที่จะกระทบกับหน้าไม้ เพื่อทำลายอิทธิพลของลูกปิงปองที่หมุนมา (ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกปิงปองวิ่งเข้าหาไม้)
ต้องฝึก topspin ส่งลูกออกไปได้ทั้งสั้นและยาว แรงบ้างค่อยบ้าง เลียดบ้างโด่งบ้าง ผสมกับการหยอด เพื่อหาทางทำลายจังหวะของคู่ต่อสู้ที่ตี backspin มา อย่ามุ่งแต่ใช้แรงและความหมุนเพื่อเอาชนะเท่านั้น ถ้าเอาแต่ใช้แรงสู้เพียงอย่างเดียวแต่ขาดความหลากหลาย ในไม่ช้าตัวเองก็จะหมดแรง