สมัยแรกๆที่ยางแปลกๆจากจีนเริ่มนำมาใช้กันในเมืองไทย ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งผมเจอกับคู่แข่งเป็นทีมชาติใช้ยางสีดำ(ซึ่งเมื่อก่อนมีแต่ยางสีแดงใช้กันเท่านั้น) เสริฟลูก backspin ที่หมุนหนักมากๆข้ามเน็ตมา ไม่ว่าจะปรับมุมหน้าไม้อย่างไรก็รับลูกเสริฟติดเน็ตแทบทุกลูก ส่วนลูกที่พอจะรับข้ามเน็ตกลับไปได้บ้างก็ถูกตบไม้สามกลับมาเพราะลูกที่ผมหงายหน้าไม้รับกลับไปกลายเป็นหมุนแบบ topspin ที่ง่ายต่อการตบกลับ ไม่เคยคิดว่ายางปิงปองจะสามารถสร้างลูกที่หมุนจัดได้ขนาดนั้นมาก่อน เจ้ายางปิงปองที่ว่านี้แค่วางไม้บนหัวลูกก็จะดึงลูกปิงปองติดยางตามขึ้นมา
ด้วยคุณสมบัติของยางปิงปองยุคนี้ที่มีทั้งการกระเด้งและความหมุนพร้อมอยู่ในตัว ช่วยทำให้ตบได้แรงมากขึ้น พร้อมกับสามารถปั่นลูกปิงปองให้หมุนมากขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกกระเด้งสูงมากกว่าระดับเน็ตก่อนจึงจะตบได้ และไม่ต้องกลัวว่าถ้าตีลูกต่ำกว่าระดับโต๊ะจะตีบุกกลับไปแรงเกินไปก็ไม่ได้เพราะลูกจะออก หากใช้ลูก loop จะช่วยทำให้ตีลูกแรงมากๆจากระดับความสูงใดก็ได้ ตั้งมุมหน้าไม้ออกแรงให้เฉียดผิวลูกปิงปองปั้นให้หมุนแบบ topspin มากๆ ส่งลูกวิถีโค้งย้อยกลับไป ด้วยความหมุนแบบ topspin จะเกิดแรงกดอากาศด้านบนของลูกกดลูกปิงปองให้วิ่งลงเร็วขึ้นและมีระยะทางที่สั้นลงโต๊ะได้เสมอแม้ว่าจะออกแรงตีมากก็ตาม
Loop มีความหมายต่างจาก Smash/Drive ตรงที่ loop มีความหมุนมากกว่าความแรง ถ้าหมุนมากแต่แรงน้อยก็เป็นลูก Slow-loop ถ้าแรงมากขึ้นก็กลายเป็น Loop-drive แต่ถ้าหมุนมากและแรงมากพร้อมกันไปด้วยกลายเป็น Loop-kill
ทั้งๆที่ใช้ยางปิงปองที่มีคุณสมบัติในการกระเด้งและหมุนมาก แต่หลายคนยังไม่เคยได้ใช้คุณสมบัตินี้ให้เต็มที่เสียที มักเห็นแต่ปั่นลูกให้หมุนแบบ topspin แต่ไม่มีแรงสักเท่าใด ที่ว่าตีแรงแล้วก็ยังแรงน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับความแรงที่แชมป์ปิงปองเขาใช้กัน
ลูก loop-kill มีทั้งความแรงและความหมุน ถ้าตีลูกเลียด คู่ต่อสู้จะตั้งหน้าไม้หาจังหวะบล้อคกลับได้ยากมากเพราะลูกจะกระเด้งเร็วและกดลงต่ำกว่าเน็ตเร็วมาก ถ้าตั้งหน้าไม้เปิดไปลูกก็จะกระเด้งออกหรือโด่งกลับมา จะรับใกล้โต๊ะก็แรงไป
คุณเคยทดลองใช้ยางปิงปองของคุณให้เต็มที่แล้วหรือยัง