สมาธิช่วยทำให้ใจจดจ่ออยู่กับการตีปิงปอง ไม่วุ่นวายคิดนอกเรื่องนอกราวไปตามสิ่งเร้าจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากคนดูหรือนักปิงปองโต๊ะข้างๆ หรือแม้แต่อารมณ์ของตัวเองในขณะที่กำลังจะแพ้หรือกำลังถูกคู่ต่อสู้ทำคะแนนไล่ตามมาทัน ซึ่งสมาธิมักจะเสียไปเมื่อมีเหตุกาณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นแทรกเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว อย่างเวลาที่นักปิงปองจีนฝึกซ้อม เขาจะมุ่งสมาธิไปกับการฝึกซ้อมให้ชินกับกับสิ่งรบกวนรอบข้าง ไม่ว่าจะมีเสียงอะไรแทรก มีลูกปิงปองจากโต๊ะอื่นกระเด้งมา หรือแม้แต่มีคนเดินมามุดเก็บลูกใต้โต๊ะ นักปิงปองจีนก็จะไม่หยุดตีลูกที่กำลังซ้อมกันอยู่
ปิงปองเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยสมาธิอย่างมาก ตาต้องคอยจ้องมองลูกตั้งแต่จังหวะที่ไม้ของคู่ต่อสู้กระทบลูกจนกระทั่งลูกกระทบไม้ของเราออกไป จากนั้นต้องย้ายสายตามามองท่าทางและอ่านหน้าไม้ของคู่ต่อสู้ให้ออกว่าเขาตีโต้กลับมาอย่างไร เพื่อย้ายตำแหน่งการวางตัวของตนให้เหมาะและเตรียมเหวี่ยงไม้เพื่อรับลูกกลับไป
- ลูกหมุนมาแบบ topspin หรือ backspin หรือ sidespin
- หมุนแรงมากน้อยเพียงใด
- ตีลูกมาสั้นหรือยาว
- ตีลูกมาทิศทางใด
ทางหนึ่งที่จะช่วยสร้างสมาธิ นักปิงปองควรฝึกซ้อมน้อคลูกปิงปองให้ได้นานที่สุด ถ้าจะนับลูกที่ตีโต้กันต้องตีกันไปมาให้ได้ 100, 200, 300 ครั้งขึ้นไป คนที่เคยน้อคลูกกันได้นานๆจะรู้ว่าไม่ใช่ง่ายเลยที่จะควบคุมให้มีสมาธิได้ตลอด พอตีน้อคลูกไปได้สักพักโดยไม่พลาดไม่ได้หยุดพัก จะรู้สึกปวดเมื่อยมากขึ้นและเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นจะเริ่มควบคุมลูกยากขึ้น ไม่สามารถตีลูกไปในทิศทางและให้ลงตำแหน่งบนโต๊ะได้แม่นยำอย่างเคย ครั้งแรกๆที่ตีโต้กันได้นานจะเริ่มคิดภาคภูมิใจว่า "ฉันตีได้ดีขึ้นขนาดนี้เชียวหรือ ตีลูกยากๆได้แล้วนะเนี่ย" พอคิดแบบนี้ขึ้นมา สายตาก็จะหยุดมองลูกที่ควรมอง หยุดอ่านไม้คู่ต่อสู้ สมาธิก็จะหมดไป
ความคิดที่เกิดขึ้นระหว่างการตีโต้เป็นอุปสรรคสำคัญของการมีสมาธิ ถ้ามัวแต่คิดจะไม่สามารถตัดสินใจและเคลื่อนตัวไปตีลูกต่อไปได้ทัน ดังนั้นในช่วงระหว่างการนับแต้มกันนั้นต้องคิดแบบไม่คิดเพื่อตัดสินใจตีกลับไปได้เร็วที่สุด
แม้การฝึกเล่นเกมนับแต้มเป็นการช่วยทำให้นักปิงปองคุ้นเคยกับการแข่งขันและรู้จักจุดอ่อนของตัวเองเพื่อกลับมาฝึกซ้อมให้ดีขึ้นก็ตาม แต่การฝึกนับแต้มกันนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ตีลูกจากคู่ต่อสู้แบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก
จะคิดแบบไม่คิดได้โดยฝึกซ้อมเบสิคในการตีโต้ท่าต่างๆจนกว่าจะชิน คำว่า "ชิน" นี่แหละสำคัญมาก พอชินแล้ว การตีลูกแบบต่างๆจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาเพราะตัวเองเคยทำได้มาก่อน สายตาจะจับจ้องลูกและคู่ต่อสู้ไปพร้อมกับการอ่านลูกที่เขาตีกลับมาอย่างอัตโนมัติ จิตจะคิดแบบจิตใต้สำนึก และตัดสินใจหวดลูกออกไปเองโดยไม่ต้องเสียเวลามาคิดกันอีก